บริษัท ไอชิพ เซอร์วิส จำกัด ได้ออกนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ลงวันที่ 10 มิถุนายน 2565 เพื่อใช้เป็นแนวทางในการบริหารจัดการการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และทำให้เกิดความมั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด อาทิเช่น พนักงาน ลูกค้า ผู้รับจ้างเหมาบริการ หรือผู้เข้าชมงาน จะได้รับการคุ้มครองตามที่กฎหมายกำหนดซึ่งเป็นไปตามแนวปฏิบัติที่บริษัทได้ยึดถือและให้ความสำคัญต่อการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลมาโดยตลอด และการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบหรือเปิดเผยข้อมูลที่อาจทำให้เกิดความเสียหายหรือทำให้สามารถระบุถึงตัวบุคคลได้โดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นการกระทำที่เป็นการละเมิดทั้งต่อบุคคลและบริษัท ซึ่งมีความผิดทั้งด้านวินัยและกฎหมาย และเพื่อให้การดำเนินงานของบริษัทตลอดจนแนวทางการปฏิบัติของพนักงานทุกคนมีความชัดเจนและสอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทที่กำหนดโดยอาศัยอำนาจตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารได้ให้ความเห็นชอบอนุมัติ บริษัทจึงได้จัดทำระบบบริหารจัดการการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้การปฏิบัติงานตามหน้าที่ในการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท ทั้งการจัดเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูล และการป้องกันข้อมูลให้มีความมั่นคงและปลอดภัย ตลอดจนการควบคุมการปฏิบัติงานภายในบริษัทเกี่ยวกับการให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของทุกคนเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ดังนี้
1. ให้นำระบบบริหารจัดการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลรวมถึงเอกสารของระบบบริหารจัดการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่กำหนดไว้ เช่น คู่มือ ข้อกำหนด ระเบียบปฏิบัติหรือแบบฟอร์มต่าง ๆ เป็นต้น มาบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 ยกเว้นระเบียบปฏิบัติการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลต่าง ๆ ให้ทำการประกาศให้มีผลบังคับใช้อีกครั้ง เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของพนักงานในการปฏิบัติ รวมถึงความพร้อมของระบบการป้องกันความปลอดภัยของข้อมูลโดยจะมีการประเมินและตรวจสอบความพร้อมของพนักงาน
2. ให้แต่งตั้งผู้ควบคุมข้อมูล ผู้ประมวลผลข้อมูล และผู้รับผิดชอบตามข้อกำหนดหรือระเบียบ และให้มีหน้าที่ตามที่คู่มือ ข้อกำหนด หรือระเบียบปฏิบัติภายใต้ระบบบริหารจัดการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
3. ให้พนักงานที่มีการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ดำเนินการเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ และต้องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล เว้นแต่ในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไม่จำต้องขอความยินยอมตามกฎหมาย ตลอดจนการ ลบหรือทำลายข้อมูล และควบคุมการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามระบบบริหารจัดการคุ้มครองข้อมูลบุคคล รวมถึงคู่มือ ข้อกำหนด และระเบียบปฏิบัติภายใต้ระบบบริหารจัดการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
4. พนักงานที่กระทำการละเมิด ฝ่าฝืนนโยบาย ระบบบริหารจัดการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และคู่มือ ข้อกำหนด หรือระเบียบปฏิบัติที่กำหนด บริษัทจะถือว่าเป็นการละเมิดทั้งต่อบุคคลและบริษัท ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดวินัย และผิดกฎหมาย นโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับสมาชิก (หน้า dashboard)
บริษัทไอชิพจำกัดให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิก โดยนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ได้อธิบายแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสิทธิต่าง ๆ ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทย
การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับโดยตรงจากสมาชิกผ่านช่องทาง ดังต่อไปนี้
- การสมัครสมาชิก
- โทรศัพท์
- Email
- Facebook Login
- Google Login ประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม
- ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ นามสกุล เลขประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง เป็นต้น
- ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล เป็นต้น
- ข้อมูลบัญชี เช่น บัญชีผู้ใช้งาน ประวัติการใช้งาน เป็นต้น
- หลักฐานแสดงตัวตน เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง เป็นต้น
- ข้อมูลการทำธุรกรรมและการเงิน เช่น บัญชีธนาคาร เป็นต้น
- ข้อมูลทางเทคนิค เช่น IP address, Cookie ID, ประวัติการใช้งานเว็บไซต์ (Activity Log) เป็นต้น
- ข้อมูลอื่น ๆ เช่นรูปภาพภาพเคลื่อนไหวและข้อมูลอื่นใดที่ถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ผู้เยาว์
หากสมาชิกมีอายุต่ำกว่า 20 ปี หรือมีข้อจำกัดความสามารถตามกฎหมาย บริษัทอาจทำการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิก นอกจากนี้บริษัทอาจจำเป็นต้องให้บิดามารดาหรือผู้ปกครองของสมาชิกให้ความยินยอมในกรณีที่กฎหมายอนุญาตให้ทำได้ หากบริษัททราบว่ามีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้เยาว์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากบิดามารดาหรือผู้ปกครองของผู้เยาว์ บริษัทจะดำเนินการลบข้อมูลนั้นออกจากเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท วิธีการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกในรูปแบบเอกสารและรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์โดยบริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิก ดังต่อไปนี้
- ผู้ให้บริการเซิร์ฟเวอร์ในต่างประเทศ
- การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
- บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
- เพื่อสร้างและจัดการบัญชีผู้ใช้งาน
- เพื่อจัดส่งสินค้าหรือบริการ
- เพื่อปรับปรุงสินค้า บริการ หรือประสบการณ์การใช้งาน
- เพื่อการบริหารจัดการภายในบริษัท
- เพื่อการตลาดและการส่งเสริมการขาย
- เพื่อการบริการหลังการขาย
- เพื่อรวบรวมข้อเสนอแนะ
- เพื่อชำระค่าสินค้าหรือบริการ
- เพื่อปฏิบัติตามข้อตกลงและเงื่อนไข (Terms and Conditions)
- เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบของหน่วยงานราชการ
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกให้แก่ผู้อื่นภายใต้ความยินยอมของสมาชิกหรือที่กฎหมายอนุญาตให้เปิดเผยได้ ดังต่อไปนี้
การบริหารจัดการภายในองค์กร
บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกภายในบริษัทเท่าที่จำเป็นเพื่อปรับปรุงและพัฒนาสินค้าหรือบริการของบริษัท บริษัทอาจรวบรวมข้อมูลภายในเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการต่าง ๆ ภายใต้นโยบายนี้เพื่อประโยชน์ของสมาชิกและผู้อื่นมากขึ้น
ผู้ให้บริการ
บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกบางอย่างให้กับผู้ให้บริการของบริษัทเท่าที่จำเป็นเพื่อดำเนินงานในด้านต่าง ๆ เช่น การชำระเงิน การตลาด การพัฒนาสินค้าหรือบริการ เป็นต้น ทั้งนี้ ผู้ให้บริการมีนโยบายความเป็นส่วนตัวของตนเอง
ระยะเวลาจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกไว้ตามระยะเวลาที่จำเป็นในระหว่างที่สมาชิกได้ใช้บริการหรือมีความสัมพันธ์อยู่กับบริษัทหรือตลอดระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายฉบับนี้ ซึ่งอาจจำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ต่อไปภายหลังจากนั้น หากมีกฎหมายกำหนดไว้ บริษัทจะลบ ทำลาย หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของสมาชิกได้ เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว
สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สมาชิกมีสิทธิในการดำเนินการดังต่อไปนี้
- สิทธิขอถอนความยินยอม (right to withdraw consent) หากสมาชิกได้ให้ความยินยอม บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่สมาชิกให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น สมาชิกมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดเวลา
- สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล (right to access) สมาชิกมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทและขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่สมาชิก รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยว่าบริษัทได้ข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกมาได้อย่างไร
- สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล (right to data portability) สมาชิกมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิก ในกรณีที่บริษัทได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติและมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค
- สิทธิขอคัดค้าน (right to object) สมาชิกมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกในเวลาใดก็ได้ หากการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกที่ทำขึ้นเพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น โดยไม่เกินขอบเขตที่สมาชิกสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผลหรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์
- สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล (right to erasure/destruction) สมาชิกมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวสมาชิกได้ หากสมาชิกเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือเห็นว่าบริษัทหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือเมื่อสมาชิกได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว
- สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล (right to restriction of processing) สมาชิกมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของสมาชิกหรือกรณีอื่นใดที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่สมาชิกขอให้บริษัทระงับการใช้แทน
- สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล (right to rectification) สมาชิกมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
- สิทธิร้องเรียน (right to lodge a complaint) สมาชิกมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากสมาชิกเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิก เป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
สมาชิกสามารถใช้สิทธิของสมาชิกในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้นได้ โดยติดต่อมาที่เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทตามรายละเอียดท้ายนโยบายนี้ บริษัทจะแจ้งผลการดำเนินการภายในระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันที่บริษัทได้รับคำขอใช้สิทธิจากสมาชิก ตามแบบฟอร์มหรือวิธีการที่บริษัทกำหนด ทั้งนี้ หากบริษัทปฏิเสธคำขอบริษัทจะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้สมาชิกทราบผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น ข้อความ (SMS) อีเมล โทรศัพท์ จดหมาย เป็นต้น
การโฆษณาและการตลาด
บริษัทอาจส่งข้อมูลหรือจดหมายข่าวไปยังอีเมลของสมาชิก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสนอสิ่งที่น่าสนกับสมาชิก หากสมาชิกไม่ต้องการรับการติดต่อสื่อสารจากบริษัทผ่านทางอีเมลอีกต่อไป สมาชิกสามารถกด “ยกเลิกการติดต่อ” ในลิงก์อีเมลหรือติดต่อมายังอีเมลของบริษัทได้
เทคโนโลยีติดตามตัวบุคคล (Cookies)
เพื่อเพิ่มประสบการณ์การใช้งานของสมาชิกให้สมบูรณ์และมีประสิทธิภาพมากขึ้น บริษัทใช้คุกกี้ (Cookies)หรือเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกัน เพื่อพัฒนาการเข้าถึงสินค้าหรือบริการ โฆษณาที่เหมาะสม และติดตามการใช้งานของสมาชิก บริษัทใช้คุกกี้เพื่อระบุและติดตามผู้ใช้งานเว็บไซต์และการเข้าถึงเว็บไซต์ของบริษัท หากสมาชิกไม่ต้องการให้มีคุกกี้ไว้ในคอมพิวเตอร์ของสมาชิก สมาชิกสามารถตั้งค่าบราวเซอร์เพื่อปฏิเสธคุกกี้ก่อนที่จะใช้เว็บไซต์ของบริษัทได้
การรักษาความมั่งคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกไว้ตามหลักการ การรักษาความลับ (confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (availability) ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผย นอกจากนี้บริษัทจะจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งครอบคลุมถึงมาตรการป้องกันด้านการบริหารจัดการ (administrative safeguard) มาตรการป้องกันด้านเทคนิค (technical safeguard) และมาตรการป้องกันทางกายภาพ (physical safeguard) ในเรื่องการเข้าถึงหรือควบคุมการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล (access control)
การแจ้งเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล
ในกรณีที่มีเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกเกิดขึ้น บริษัทจะแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทราบโดยไม่ชักช้าภายใน 72 ชั่วโมง นับแต่ทราบเหตุเท่าที่สามารถกระทำได้ ในกรณีที่การละเมิดมีความเสี่ยงสูงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของสมาชิก บริษัทจะแจ้งการละเมิดนั้นให้สมาชิกทราบพร้อมกับแนวทางการเยียวยาโดยไม่ชักช้าผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ ข้อความ (SMS) อีเมล โทรศัพท์ จดหมาย เป็นต้น
การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว
บริษัทอาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้เป็นครั้งคราว โดยสมาชิกสามารถทราบข้อกำหนดและเงื่อนไขนโยบายที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนี้ได้ผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัท
นโยบายนี้แก้ไขล่าสุดและมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2564
นโยบายความเป็นส่วนตัวของเว็บไซต์อื่น
นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ใช้สำหรับการเสนอสินค้า บริการ และการใช้งานบนเว็บไซต์สำหรับสมาชิกของบริษัทเท่านั้น หากสมาชิกเข้าชมเว็บไซต์อื่นแม้จะผ่านช่องทางเว็บไซต์ของบริษัท การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลต่าง ๆ จะเป็นไปตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเว็บไซต์นั้น ซึ่งบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
รายละเอียดการติดต่อ
หากสมาชิกต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ รวมถึงการขอใช้สิทธิต่าง ๆ สมาชิกสามารถติดต่อบริษัทหรือเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทได้ ดังนี้
ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท ไอชิพ เซอร์วิส จำกัด
บริษัท ไอชิพ เซอร์วิส จำกัด เราคือพันธมิตรที่รวบรวมบริษัทขนส่ง มาไว้ในระบบเดียว ง่ายต่อการเชื่อมต่อและเลือกใช้บริการที่หลากหลาย โดยเฉพาะคนขายของออนไลน์ โปรดอ่านเงื่อนไขการใช้บริการโดยละเอียดเพื่อประโยชน์ในการรับบริการจากเรา
การตกลงสมัครเข้าใช้บริการ ถือว่าผู้ใช้บริการยอมรับว่าได้อ่านและทำความเข้าใจเงื่อนไขการใช้บริการและนโยบายความเป็นส่วนตัวโดยละเอียดถี่ถ้วนแล้ว และผู้ใช้บริการยอมรับเงื่อนไขการใช้บริการทุกประการและนโยบายความเป็นส่วนตัว เงื่อนไขการใช้บริการฉบับนี้มีผลผูกพันผู้ใช้บริการตามกฏหมาย
1. เงื่อนไขการใช้บริการของบริษัท ไอชิพ เซอร์วิส จำกัด ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแจ้งให้ทราบถึงสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายอันพึ่งต้องปฎิบัติตาม
2. คำจำกัดความ
2.1 “ผู้ให้บริการ” หมายถึง บริษัท ไอชิพ เซอร์วิส จำกัด ในชื่อของ "เว็บไซต์ ไอชิพ" หรือชื่ออื่นใดอันหมายถึงบริการนี้ และ ให้หมายรวมถึงการงานใช้ส่วนใดส่วนหนึ่งหรือทั้งหมด ทั้ง โดยตรงผ่านเว็บไซต์และหรือผ่านตัวแทนในรูปแบบต่างๆ
2.2 “ผู้ใช้บริการ” หมายถึง บุคคลใดก็ตามที่เข้าถึง เข้า ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น ผลิตภัณฑ์ ซอฟต์แวร์ บริการ หรือเว็บไซต์ ของผู้ให้บริการ
2.3 “เงื่อนไขการใช้บริการ” หมายถึง ข้อตกลง ข้อกำหนด ข้อสัญญา หรือชื่ออื่นใดที่มีลักษณะแบบเดียวกัน เพื่อแจ้งให้ทราบถึงสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย
2.4 “การให้บริการ” หมายถึง การให้บริการระบบขนส่งหลากหลายบริษัทที่รวบรวมมาไว้ในระบบเดียว
2.5 “ข้อมูล” หมายถึง ข้อมูลใดๆที่ผู้ใช้บริการหรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากผู้ใช้บริการให้ทำการแทนได้ให้ไว้แก่ทางเว็บไซต์
2.6 “ข้อมูลลับ” หมายถึง ข้อมูลต่างๆที่คู่สัญญาได้ให้ไว้แก่กัน ไม่ว่าจะโดยทางวาจา, ลายลักษณ์อักษร หรือข้อมูลอิเลคทรอนิคส์ แต่ไม่รวมถึงข้อมูลใดๆที่ได้ถูกเผยแพร่สู่สาธารณชนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
2.7 “ค่าบริการ” หมายถึง ค่าบริการขนส่งที่ผู้ใช้บริการตกลงยินยอมตามที่ผู้ให้บริการเรียกเก็บ
2.8 “ตัวแทน” หมายถึง บุคคลและหรือนิติบุคคลใดก็ตาม หรือชื่ออื่นใดอันมีความหมายเดียวกัน ที่ได้รับอนุญาติและหรือได้รับแต่งตั้งให้สามารถนำระบบทั้งหมดหรือบางส่วนไปใช้ของ ไอชิพ
3. การใช้บริการของผู้ให้บริการนั้น ผู้ใช้บริการต้องเข้าใจและยอมรับข้อตกลง เงื่อนไขการใช้บริการ และนโยบายความเป็นส่วนตัวต่างๆของผู้ให้บริการทั้งหมดก่อน
4. การสมัครเข้าใช้บริการ การยอมรับข้อตกลง เงื่อนไขการใช้บริการ และนโยบายความเป็นส่วนตัวต่างๆ ถือว่าผู้ใช้บริการยอมรับได้ว่า อ่านและเข้าใจพร้อมทั้งตกลงยินยอมตามข้อตกลง เงื่อนไขการใช้บริการ นโยบายความเป็นส่วนตัวและหรือข้อบังคับอื่นใดแล้วแต่กรณี
5. ผู้ให้บริการขอสงวนสิทธิ์ไม่ให้บริการขนส่งดังต่อไปนี้
5.1 สัตว์มีชีวิต
5.2 สิ่งเสพติด
5.3 สิ่งลามกอนาจาร หรือสิ่งที่มีถ้อยคำ เครื่องหมาย ลวดลาย หยาบช้า
5.4 วัตถุไวไฟ
5.5 วัตถุมีคมที่ไม่มีเครื่องหุ้มห่อ ป้องกัน
5.6 สิ่งโสโครกหรือสิ่งมีพิษ อาจทำให้เกิดอันตรายแก่เจ้าพนักงาน
5.7 สิ่งของปลอมแปลงหรือลอกเลียนแบบโดยละเมิดลิขสิทธิ์
5.8 สิ่งอื่นใดอันผิดกฎหมาย หรือขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชนชาวไทย หรือที่สร้างความเสื่อมเสีย หรือทำลายความมั่นคง ต่อประเทศชาติ ศาสนา และ สถาบันพระมหากษัตริย์ การขอสงวนสิทธิ์ไม่ให้บริการขนส่ง นอกเหนือจากข้างต้นนั้น ผู้ให้บริการจะแจ้งให้ทราบเพิ่มเติมทางเว็บไซต์ โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
6. ผู้ใช้บริการต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นจริงทุกประการแก่ผู้ให้บริการ เพื่อประโยชน์ในการให้บริการขนส่งในบางกรณีผู้ให้บริการ อาจร้องขอเอกสารเพิ่มเติมเพื่อยืนยันข้อมูลต่างๆและผู้ใช้บริการยอมรับที่ต้องปฎิบัติตามคำร้องขอ
7. ผู้ให้บริการไม่อนุญาติให้นำเข้าและหรือส่งออกซึ่งข้อมูลใดๆ และ หรือเอกสารใดๆเข้ามาในเวบไซด์โดยประการที่อาจทำให้เกิดความเสียหายแก่อุปกรณ์ ฮาร์ดแวร์ หรือ ซอฟท์แวร์ อันเป็นความผิดตามกฎหมาย
8. ผู้ใช้บริการต้องไม่พยายามหรือกระทำการใดๆที่เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์หรือระบบเน็ตเวิร์ค ซึ่งหมายรวมถึงการกระทำผิดใดๆตามที่กฎหมายกำหนด
9. หากผู้ใช้บริการกำหนดให้บุคคลภายนอกซึ่งไม่ได้มีส่วนร่วมในการดูแลจัดการบัญชีของท่าน ผู้ให้บริการจะถือว่าการปฏิบัติของบุคคลภายนอกดังกล่าวคือการปฏิบัติของผู้ใช้บริการ หากการปฏิบัติของบุคคลดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายหรือการเสียผลประโยชน์แก่ท่าน ผู้ให้บริการจะไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น
10. ผู้ให้บริการไม่อนุญาติให้ผู้ใช้บริการโอนสิทธิและหน้าที่ภายใต้ข้อตกลง เงื่อนไขการใช้บริการ และนโยบายความเป็นส่วนตัวแก่บุคคลและหรือนิติบุคคลอื่น โดยเด็ดขาด
11. ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ จะไม่เปิดเผยความลับหรือข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลภายนอกหรือองค์กรอื่นใดไม่ว่าเพื่อวัตถุประสงค์ใดๆ เว้นแต่
11.1 ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้บริการ
11.2 กระทำการตามที่กฎหมายบังคับ และหรือตามคำสั่งหรือหมายของศาล เป็นต้น
11.3 เป็นไปตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว
12. ผู้ให้บริการ มีซึ่งสิทธิ ลิขสิทธิ์ และ ทรัพย์สินทางปัญญาในข้อมูลที่แสดง รูปภาพ และ รูปแบบการแสดงผล ตามที่ปรากฏในเว็บไซต์ทั้งหมด ยกเว้นจะมีการระบุอย่างชัดเจนเป็นอื่น ห้ามมิให้ผู้ใดทำการคัดลอก ทำซ้ำ มีสำเนา สำรองไว้ ทำเลียนแบบ ทำเหมือน ดัดแปลง ทำเพิ่ม เพื่อนำไปเผยแพร่ด้วยวัตถุประสงค์อื่นใด โดยปราศจากความยินยอมเป็นหนังสือจากผู้ให้บริการ ทั้งนี้เว้นแต่จะได้มีการระบุกำหนดไว้ในข้อตกลง เงื่อนไขการใช้บริการ และนโยบายความเป็นส่วนตัว
13. ผู้ให้บริการ สามารถนำข้อมูลใดๆก็ตามที่ผู้ใช้บริการให้กับผู้ให้บริการ โดยผ่าน ไอชิพ ไปใช้ในการวิจัย วิเคราะห์ แยกแยะ และหรืออื่นใด ตามที่เห็นสมควร โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ต้องเป็นข้อมูลที่ผู้ใช้บริการยินยอมให้ใช้ตามข้อตกลง เงื่อนไขการใช้บริการ และนโยบายความเป็นส่วนตัว
14. ผู้ให้บริการ ขอสงวนสิทธิ์ในการคืนค่าบริการในกรณีที่ผู้ใช้ต้องการยกเลิกใช้บริการ หรือปรับลดบริการลง ก่อนครบกำหนดสัญญา และผู้ใช้บริการไม่มีสิทธิ์เรียกค่าบริการคืน ไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดได้ เว้นแต่ทางผู้ให้บริการจะเป็นผู้ยกเลิกบริการเอง โดยจะคืนค่าบริการตามสมควรให้เท่านั้น หากมีการละเมิดข้อตกลงดังกล่าวผู้ให้บริการจะแจ้งเตือน และจะหยุดให้บริการหากผู้ใช้บริการไม่ทำการแก้ไขให้ถูกต้อง และผู้ใช้บริการจะไม่สามารถเรียกร้องสิทธิ์ในการคืนเงินได้ และหากเป็นการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อ ระบบ เครือข่าย และชื่อเสียงของผู้ให้บริการ ผู้ใช้บริการจะต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด กรณี ผู้ใช้บริการเกิดปัญหาในการใช้งาน ผู้ใช้บริการสามารถติดต่อผู้ให้บริการทาง email : cs@iship.co.th
15. ผู้ให้บริการ สามารถระงับการใช้บริการแก่ผู้ใช้บริการใดๆ ตามเห็นสมควรได้ ถึงแม้ว่าผู้ใช้บริการจะไม่ได้ละเมิดข้อตกลง เงื่อนไขการใช้การบริการ และนโยบายความเป็นส่วนตัวใดๆก็ตาม โดยผู้ให้บริการจะคืนค่าบริการตามจริงเฉพาะที่ยังไม่ได้ใช้งานเท่านั้น ทั้งนี้งให้เป็นไปตามเงื่อนไขของค่าบริการที่ผู้ให้บริการกำหนดไว้ และผู้ใช้บริการไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายอื่น ๆ นอกเหนือจากค่าบริการที่ผู้ใช้บริการได้ชำระกับผู้ให้บริการแล้วเท่านั้น
16. ผู้ให้บริการ สามารถระงับการใช้บริการแก่ผู้ใช้บริการในกรณีที่ผู้ใช้บริการไม่เข้าสู่ระบบเป็นเวลานาน ซึ่งผู้ให้บริการขอสงวนสิทธิ์การระงับบริการโดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
17. ผู้ให้บริการ อาจระงับการให้บริการเป็นการชั่วคราว ด้วยเหตุจำเป็นบางประการ และในกรณีที่มีการระงับบริการประเภทที่มีค่าบริการ ขอสงวนสิทธิในการไม่คืนค่าบริการสำหรับระยะเวลาที่ระงับบริการดังกล่าว และถือว่า ผู้ให้บริการไม่มีความรับผิดในการระงับบริการดังกล่าวไม่ว่าประการใด ซึ่งรวมถึงข้อบกพร่องที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้า อันอาจจะเกิดจุดบกพร่องของอุปกรณ์ ซอฟต์แวร์ หรือสิ่งอื่นใดที่มีผลกระทบต่อการใช้บริการและให้บริการ
18. ผู้ให้บริการ ข้อแจ้งให้ทราบและเข้าใจ ดังนี้
18.1 ไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆก็ตามที่เกิดจากการใช้บริการ หรือเกิดจากความบกพร่องของผู้ใช้บริการ ทั้งนี้หากผู้ใช้บริการจำเป็นต้องชดใช้ค่าเสียหาย ผู้ให้บริการจำกัดความรับผิดต่อค่าเสียหายที่แท้จริงที่เกิดขึ้นไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท หรือตามที่ผู้ให้บริการเห็นสมควร
18.2 หากความเสียหายใดๆก็ตามที่ผู้ใช้บริการกระทำการ หรือจงใจกระทำการ หรือพยายามกระทำการไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อม อันจะทำให้ผู้ให้บริการได้รับความเสียหาย เสียชื่อเสียง หรือสิ่งใด ผู้ให้บริการมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย หรือฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมายได้
18.3 ข้อกำหนด ข้อตกลง สัญญา หรือข้อความใดในเงื่อนไขการใช้บริการนี้ หากเป็นโมฆะหรือโมฆียะให้เป็นไปตามกฎหมายของไทยเท่านั้น ทั้งนี้ให้ยกเว้นส่วนที่ไม่ได้เป็นโมฆะหรือโมฆียะให้ใช้บังคับต่อไป
18.4 กรณีที่ข้อความใดๆมีความขัดหรือแย้งกัน ในฉบับภาษาไทยและฉบับแปลภาษาอื่นๆ ให้ถือตามฉบับภาษาไทยมีผลเหนือฉบับแปลภาษาอื่นๆ
18.5 การกระทำใดๆก็ตามที่มีผลต่อการใช้บริการของผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ ให้อยู่ภายใต้การบังคับของกฎหมายไทยเท่านั้น โดยไม่คำนึงสถานที่ตั้งของระบบ ข้อมูล และการใช้งาน รวมถึงกฎหรือบทบัญญัติว่าด้วยการเลือกกฎหมายหรือการขัดกันของกฎหมาย และให้ศาลในราชอาณาจักรไทยเป็นศาลที่มีเขตอำนาจในการพิจารณาชี้ขาดตัดสินข้อพิพาทที่เกิดขึ้นภายใต้ ข้อตกลง เงื่อนไขการใช้บริการ และนโยบายความเป็นส่วนตัว
19. ผู้ให้บริการสามารถเปลี่ยนแปลง ข้อตกลง เงื่อนไขการใช้บริการ นโยบายความเป็นส่วนตัว ข้อกำหนด สัญญา และหรือชื่ออื่นใดอันมีความหมายเช่นเดียวกัน ในการให้บริการได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า และไม่มีความรับผิดใดๆต่อคู่สัญญาและบุคคลภายนอก
20. หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการระบุน้ำหนักไม่ถูกต้องทางบริษัทสามารถเรียกเก็บเงินส่วนต่างภายหลังได้ตามจริง
21. ผู้ใช้บริการต้องเข้าใจและยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไขต่างๆของผู้ให้บริการที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงแล้ว หากผู้ใช้บริการเข้าใช้บริการหลังมีการเปลี่ยนแปลง
22. มาตรการส่งดี (Dee-Delivery) การให้บริการขนส่งสินค้า โดยเรียกเก็บเงินปลายทาง (COD)
22.1 ผู้ซื้อสั่งซื้อสินค้า
ผู้ซื้อทำการสั่งซื้อสินค้ากับผู้ขาย โดยแจ้งรายละเอียดสินค้าที่ต้องการ เช่น ชื่อสินค้า ขนาด น้ำหนัก จำนวน สี และราคา
22.2 ผู้ขายจัดเตรียมสินค้า
ผู้ขายจัดเตรียมสินค้าตามที่ผู้ซื้อสั่ง พร้อมให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและสินค้าที่จะจัดส่งให้กับผู้ประกอบธุรกิจขนส่ง ได้แก่ ชื่อผู้ขาย ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล และรายละเอียดของสินค้า (ได้แก่ ชื่อ ประเภท ชนิดของสินค้า ขนาด น้ำหนัก ปริมาณหรือปริมาตร จำนวน สี ราคาสินค้า)
22.3 ผู้ประกอบธุรกิจขนส่งรับพัสดุจากผู้ขาย
- ผู้ประกอบธุรกิจขนส่งรับพัสดุจากผู้ขาย โดยจัดทำหลักฐานการรับเงินตามข้อมูลที่ได้รับจากผู้ขาย
- ระบุรายละเอียดของผู้ประกอบธุรกิจขนส่ง ได้แก่ ชื่อบริษัท ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล และหมายเลขติดตามพัสดุ
- ระบุข้อมูลพนักงานส่งสินค้า (Rider) ได้แก่ ชื่อและนามสกุล หมายเลขโทรศัพท์ และสถานที่เข้ารับพัสดุจากผู้ขาย
22.4 การจัดส่งพัสดุให้กับผู้ซื้อ
กรณีเปิดสินค้าก่อนชำระเงิน
- พนักงานขนส่งนำพัสดุไปส่งให้กับผู้ซื้อ (หรือผู้รับแทน) โดยผู้ซื้อสามารถเปิดตรวจสอบพัสดุก่อนชำระเงินได้
- หากพบว่าสินค้าไม่ตรงกับที่สั่งซื้อ หรือชำรุดบกพร่อง หรือไม่ได้สั่งซื้อสินค้า ผู้ซื้อสามารถปฏิเสธการรับสินค้าและไม่ต้องชำระเงินได้
- พนักงานขนส่งและผู้ซื้อจะต้องจัดทำหลักฐาน ได้แก่ บันทึกวิดีโอหรือภาพถ่าย หรือหลักฐานอื่นๆ
22.5 กรณีผู้ซื้อรับสินค้าและชำระเงินแล้ว
- หากผู้ซื้อหรือมีผู้รับแทนรับสินค้า ทำการรับสินค้าและชำระเงิน ผู้ประกอบธุรกิจขนส่งต้องออกหลักฐานการรับเงินให้กับผู้ซื้อ โดยออกเป็นกระดาษหรืออิเล็กทรอนิกส์ก็ได้
- ผู้ประกอบธุรกิจขนส่งถือเงินไว้เป็นระยะเวลา 5 วัน ก่อนส่งมอบเงินให้กับผู้ขาย เพื่อให้เวลาผู้ซื้อในการแจ้งปัญหากรณีสินค้าไม่เป็นไปตามที่สั่งซื้อ หรือชำรุดบกพร่อง หรือไม่ได้สั่งซื้อ
- หากไม่มีการแจ้งเหตุ กรณีขอคืนสินค้าจากผู้ซื้อ ให้ผู้ประกอบธุรกิจขนส่งดำเนิการเงินส่งให้กับผู้ขาย
23 สำหรับร้านค้าที่มีอัตราการคืนสินค้าสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ระบบขอสงวนสิทธิ์ในการโอนยอดเงินเก็บเงินปลายทาง (COD) ในวันทำการถัดไป โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า